แฟนบอลแดนผู้ดีเตรียมเฮกันอีกครั้ง เมื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประกาศวันกลับมาเตะเรียบร้อยหลังจากต้องพักการแข่งขัน เพื่อเลี่ยงการระบาดของไวรัส โควิด-19
เมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมาทาง พรีเมียร์ลีก ได้ออกมาประกาศว่าลีกสูงสุดแห่งแดนผู้ดีจะกลับมาเตะอย่างเร็วคือวันที่ 30 เมษายน แต่ก็ต้องดูความคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ด้วย ถึงจะอนุญาตให้เหล่าสโมสรที่ร่วมศึกมาลงฟาดแข้งกันอีกครั้งเพื่อให้ฤดูกาลนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าจับตาไม่ได้มีแค่ว่าใครจะได้ถ้วยใบนี้ไปครองเท่านั้น เพราะที่ผ่านมามีเหตุการณ์มากมายที่ยังคาราคาซังกันอยู่ ซึ่งการกลับมาเตะต่อให้จบอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์เหล่านี้พลิกผันได้
เรื่องแรกคือการคว้าแชมป์ลีกของ ลิเวอร์พูล ที่ในฤดูกาลนี้พวกเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงจนทิ้งห่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปถึง 25 แต้ม จนแทบจะไม่มีทีมไหนกล้าทุ่มกำลังที่มีทั้งหมดเพื่อถ้วยใบนี้อีกแล้ว
ถึงอย่างนั้นหลังจากช่วงลีกหนีหนาวฟอร์มของพวกเขากลับผิดหูผิดตา แล้วยิ่งเจอการระบาดของ โควิด-19 เข้าไป ก็อาจส่งผลร้ายในการกลับมาเตะต่อด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเวลาเว้นว่างแค่ 3 วันหมายความว่าพวกเขาอาจได้พักแข้งไม่พอ จนทำให้หลายคนคิดว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ “เรือใบสีฟ้า” จะพลิกชะตามาแย่งถ้วยใบนี้ไปได้
เรื่องต่อมาคือการตีตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก ตอนนี้ทางฝั่ง ลิเวอร์พูล เองไม่มีปัญหา ส่วน แมนฯ ซิตี้ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถเข้าไปเล่นศึกนี้ได้ งานหนักจึงไปอยู่ที่อันดับ 4 ถึง 9 ของตาราง พรีเมียร์ลีก ที่จะต้องไปฟาดฟันกันเอง โดยเฉพาะ เชลซี ที่ตอนนี้ต้องคอยระแวงทัพ “ปีศาจแดง” ที่หายใจรดต้นคอแค่ 3 แต้มหลังจากได้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เข้ามาช่วยพลิกสถานการณ์
ทางได้ “ไก่เดือยทอง” ก็หืดขึ้นคออยู่ไม่น้อยเพราะหน้ายุบไปยกแพงจนแทบจะไม่มีแรงต้านทีมไหน ส่วน “เรือใบสีฟ้า” ต้งคอยดูกันว่าพวกเขาจะยื่นอุทธรณ์กับศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาสำเร็จหรือไม่ หลังจากโดน ยูฟ่า ลงดาบแบนยาว 2 ปี
และจากเรื่องที่ แมนฯ ซิตี้ โดนสั่งห้ามลุ้นถ้วยบิ๊กเอียร์ 2 ปี เนื่องจากทำผิดกฎควบคุมการเงินอย่างรุนแรง ตอนนี้ทำให้พวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักในการยื่นอุทธรณ์ แต่เหมือนเป็นความโชคดีในความโชคร้ายที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ ซึ่งเดิมผลการตัดสินคาดว่าจะออกมาอย่างเร็วคือช่วงต้นซัมเมอร์นี้ กลับกลายเป็นว่า โควิด-19 ทำเอาทุกอย่างชะลอไปหมด ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ได้แต่หวังว่าจะมีการพลิกคำตัดสิน ไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจโดน พรีเมียร์ลีก เล็งเอาโทษกับพวกเขาอีกได้เหมือนกัน
เรื่องที่สี่คือการหนีตายของทีมท้ายตารางอย่าง นอริช ซิตี้ ที่ขอแค่ 6 แต้มก็พอมีพื้นที่ให้เขายืนอยู่ในศึกนี้แล้ว ส่วน แอสตัน วิลล่า แม้ว่าจะได้เปรียบกว่าทีมที่อยู่โซนเดียวกันแต่ก็ยังประมาทไม่ได้ รวมไปถึง เวสต์แฮม และ วัตฟอร์ด ด้วย
เรื่องสุดท้ายคือใครจะได้เป็นเจ้าของรองเท้าทองคำ ซึ่งฤดูกาลนี้ก็มีตัวเต็งไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น เจมี่ วาร์ดี้ จาก เลสเตอร์ ซิตี้, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมยอง ของ ไอ้ปืนโต ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็ไม่น้อยหน้าสามารถพังประตูได้เป็นกอบเป็นกำ ส่วน “เรือใบสีฟ้า” ก็ยังมี เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ที่ทำผลงานได้เท่ากับ “บังโม” ไหนจะมี แดนนี่ อิงส์ จาก เซาธ์แฮมป์ตัน กับ ซาดิโอ่ มาเน่ ที่มีลุ้นกับเขาเหมือนกัน