เนเธอร์แลนด์ ที่มาพร้อมกับความอันตรายของเกมรุก นัดนี้ยังฝากความหวังให้ โคดี กัคโป นำทีมขยี้ อังกฤษ ที่เกมรับค่อนข้างเหนียว ศึกนี้ใครจะได้ไปต่อต้องลุ้นกันในศึกฟุตบอล ยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ คืนวันพุธที่ 10 กรกฎาคมนี้ เวลา 02.00 น. ณ สนาม เบเฟาเบ สตาดิโอน ดอร์ทมุนด์
หลังจากผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะทีมอันดับ 3 กลุ่มดี ทัพ “อัศวินสีส้ม” ก็จัดการถล่ม โรมาเนีย 3-0 และเฉือน ตุรกี 2-1 ในรอบน็อกเอาต์ 16 ทีมและ 8 ทีมสุดท้ายตามลำดับ ทำให้ทะลุเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศ ศึกยูโร เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว
ความพร้อมเกมนี้ นายใหญ่อย่าง โรนัลด์ คูมัน ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหรือติดโทษแบนมากวนใจ และคาดว่าน่าจะจัดทัพ 11 คนแรกเป็นชุดเดิมจากเกมชนะตุรกี โดยแผงหลังยังวาง เดนเซล ดุมฟรีส, สเตฟาน เดอ ฟรายจ์, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, นาธาน อาเก้ และนายด่านเป็น บาร์ท แฟร์บรูกเก้น
คู่มิดฟิลด์เป็น เจอร์ดี้ โชเทน คุมเกมร่วมกับ ทิจจานี่ ไรจ์นเดอร์ส ส่วนแนวรุกใช้ สตีเวน เบิร์กไวจ์น, ซาวี ซิมอนส์, โคดี กัคโป และ เมมฟิส เดปาย นอกจากนี้ยังมี เว้าต์ เว็กฮอร์สต์ และ ดอนเยลล์ มาเลน ที่พร้อมลงมาพลิกสถานการณ์หากทีมต้องการประตู
ทางฝั่ง “สิงโตคำราม” ถึงแม้จะถูกแฟนบอลวิจารณ์ยับเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นที่ชวนขัดใจ แต่ในที่สุดก็สามารถเอาตัวรอดจนทะลุเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอาชนะจุดโทษ สวิตเซอร์แลนด์ 5-3 หลังจากเสมอกัน 1-1 ในเวลา 120 นาที
เกมนี้เป็นไปได้ว่า แกเรธ เซาธ์เกต จะใช้ระบบ 3-4-2-1 ที่มี ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์ และ มาร์ค เกฮี ที่พ้นโทษแบนกลับมาลงช่วยคุมหลังบ้าน โดยมี จอร์แดน พิคฟอร์ด เฝ้าเสาเป็นด่านสุดท้ายเช่นเคย
นอกจากนี้ยังได้ ลุค ชอว์ ฟิตพร้อมออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเป็นนัดแรกในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งซ้าย โดยมี บูกาโย่ ซาก้า ยืนริมเส้นฝั่งขวา ส่วนมิดฟิลด์คู่กลางเป็น เดแคลน ไรซ์ กับ ค็อบบี้ ไมนู ขณะที่เกมรุกใช้ ฟิล โฟเด้น กับ จู๊ด เบลลิงแฮม ช่วยกันปั้นเกมหนุนหัวหอกตัวเป้า แฮร์รี่ เคน