เชลซี ที่มีปัญหาหลังรั่ว เกมนี้ต้องมาเจอตัวตึงอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่น่าจะเน้นเกมรุกใส่ตามคาดเพื่อเข้าใกล้ 2 แชมป์ของซีซั่นนี้ พร้อมวัดคมกันในศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย คืนวันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคมนี้ เวลา 19.45 น. ณ สนาม สแตมฟอร์ดบริดจ์
“สิงโตน้ำเงินคราม” ภายใต้การกุมบังเหียนของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เริ่มกลับคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มาแบบเฉียดฉิวในบ้านตัวเอง 3-2 นั่นทำให้ สถิติ 5 นัดหลังสุดทีมทำได้ ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 ทำให้มีมอยู่อันดับ 11 มี 39 คะแนน ในศึกพรีเมียร์ลีกในเวลานี้
สำหรับสภาพความพร้อมของทีมในเกมนี้ ทีมยังคงมีปัญหาอย่างหนักในการจัดทัพ เมื่อมีแข้งที่บาดเจ็บอยู่เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ลีวาย โคลวิลล์, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า, โรเมโอ ลาเวีย, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, รีซ เจมส์, เลสลี่ย์ อูโกชุควู, ลีวาย โคลวิลล์ และ เบน ชิลเวลล์ ที่ยังมีปัญหาบาดเจ็บทั้งหมด
เกมนี้คาดว่าน่าจะใช้แผงหลัง 4 คน ประกอบด้วย มาโล กุสโต้, อักเซล ดิซาซี่, ติอาโก้ ซิลวา และ มาร์ก กูกูเรย่า ลงมาผนึกเกมรับ ส่วนกองกลางจะส่ง มอยเซส ไกเซโด้, คอเนอร์ กัลลาเกอร์, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ลงคุมจังหวะเกมแดนกลาง ขณะที่เกองหน้าคาดใช้ โคล พาลเมอร์, ราฮีม สเตอร์ลิง และ นิโคลัส แจ็คสัน ลงมาไล่ล่าตาข่าย
ทางด้าน “จิ้งจอกสยาม” ทีมจ่าฝูงในศึกแชมเปี้ยนชิพ ที่ฟอร์มยังไม่หวือหวาเท่าไหร่หลังจาก เสมอกับทาง ฮัลล์ ซิตี้ มา 2-2 ในนัดล่าสุด ทำให้สถิติ 5 นัดหลังสุดทีมทำได้ ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2 และเกมนี้พวกเขาก็น่าจะหวังจะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ เพื่อทำโอกาสลุ้น 2 แชมป์ในปีนี้
สำหรับสภาพทีมในเกมนี้ ทีมจะไม่สามารถใช้งาน ริคาร์โด้ เปเรร่า ที่มีอการบาดเจ็บรบกววนอยู่ ส่วนผู้เล่นที่ติดโทษแบนนั้นไม่มีเข้ามาแต่อย่างใด ตัวหลักหน้าเดิมพร้อมลงสนามได้อย่างพร้อมเพรียง
เกมนี้คาดว่าทาง เอ็นโซ มาเรสก้า จะส่งกองหลังอย่าง ฮัมซ่า เชาดูรี, เว้า ฟาส, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด และ เจม จัสติน ลงมาคุมแผงเกมรับ ส่วนกองกลางจะใช้ เคียร์แนน ดิวสเบอรี-ฮอลล์, แฮรี่ วิงส์, วิลเฟรด เอ็นดิดี และ สเตฟี มาวิดิดี้ คอยสร้างเกมรุกแดนกลาง สำหรับกองหน้าจะใช้ อับดุล ฟาตาวู และ เจมี่ วาร์ดี้ ลงมาเพื่อจบสกอร์ให้ทีมในเกมวันนี้