เชลซี ที่เพิ่งจะคว้าชัยเกมลีกมาได้ 2 นัดติด แต่ก็เป็นการบู๊กับทีมระดับท้ายตาราง และทำให้เกมนี้ต้องดูงานยากเข้าไปอีกเมื่อต้องมาเจอกับตัวโหดอย่าง อาร์เซน่อล ที่เพิ่งจะดับซ่า แมนฯ ซิตี้ ไปหมาด ๆ เกมนี้จะรอดหรือร่วง ติดตามได้ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคมนี้ เวลา 23.30 น. ณ สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่กุมบังเหียน “สิงห์บูลส์” ก็ยังไม่เลิกกุมขมับแม้ว่าล่าสุดจะออกไปถล่ม เบิร์นลี่ย์ 4-1 ในเกมลีก เป็นการคว้าชัยติดต่อกันนัดที่สอง ทว่ารายการนี้ที่เตะไปแล้ว 8 นัด เก็บได้แค่ 11 แต้ม รั้งอันดับ 11 บนตารางลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีเอาไว้
สภาพทีมเกมนี้ก็ต้องมีเรื่องให้ปวดหัวกันอีกเมื่อ รีซ เจมส์, อักเซล ดิซาซี, เทรโวห์ ชาโลบาห์, เบน ชิลเวลล์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, โรเมโอ ลาเวีย, เวสลี่ย์ โฟฟาน่า และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ต่างพากันเดี้ยงยับ แถมล่าสุด โคล พาลเมอร์ แข้งดาวรุ่งก็ติดโรคเดี้ยงจากการรับใช้ชาติชุด ยู-21 ของอังกฤษไปอีกคน
นั่นทำให้ต้องเลือกใช้ มาร์ค กูกูเรย่า, อักเซล ดิซาซี่, ติอาโก้ ซิลวา และ ลีวาย โคลวิลล์ ทำหน้าที่ปราการหลัง แล้วให้ มอยเซส ไกเซโด้, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ไปยัดกันที่แดนกลาง พร้อมกับวาง ราฮีม สเตอร์ลิง, มีคายโล มูดริค และ อาร์มันโด้ โบรย่า ช่วยกันล่าตาข่ายที่แนวรุก
ทางด้าน “ปืนใหญ่” ของ มิเกล อาร์เตต้า ก็ซ่าไม่เลิก ล่าสุดเปิดบ้านไล่ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับบ้านมือเปล่าไปด้วยสกอร์ 1-0 ทำให้ตอนนี้พวกเขาเก็บไปได้ทั้งหมด 20 แต้ม และรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงเอาไว้
อย่างไรก็ตามความพร้อมเกมนี้ยังคงชวดใช้ เยอร์เรียน ทิมเบอร์, เลอันโดร ทรอสซาร์ และ วิลเลียม ซาลิบา ที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ส่วน บูกาโย ซาก้า ก็ยังต้องลุ้นความฟิตจนถึงนาทีสุดท้าย
คาดว่าเกมนี้ทีมเยือนจะส่ง เบน ไวท์, ทาเคฮิโระ โทมิยาสุ, กาเบรียล มากัลเญส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ มาคุมหลังบ้าน ส่วน จอร์จินโญ่, มาร์ติน โอเดการ์ด และ เดแคลน ไรซ์ คอยคุมเกมกลาง แนวรุกวาง กาเบรียล เชซุส, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ หาจังหวะปิดสกอร์