หงส์แดง ลิเวอร์พูล บินขึ้นจ่าฝูงด้วย 79 แต้ม จาก 32 นัด พร้อมลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ ตามมาติด ๆ ห่างกัน 2 แต้ม จาก 31 แมตช์
เข้าสู่ช่วงเวลาการดวลแข้งอย่างดุเดือดไปทุกขณะระหว่างเต็งแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ชนิดที่ว่าใครพลาดเพียงนัดเดียวก็หมดสิทธิ์คว้าถ้วยทันที แม้ภาพรวม แมนฯ ซิตี้ จะดูเหนือกว่าเพียงแค่ขยี้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ให้ได้ในวันพุธที่ 3 เมษายนนี้ก็จะอยู่ตำแหน่งบนสุดของตาราง
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะมีชัยในศึกที่จะมาถึงนี้ ขณะที่คู่ลุ้นแชมป์อย่างทีม หงส์แดง เองก็มีข้อได้เปรียบหลายอย่างที่จะทำให้พวกเขาคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จในรอบ 29 ปี
ประการแรกคือโปรแกรมที่เหลืออยู่ของ เรือใบสีฟ้า มีมากถึง 7 นัด แบ่งเป็น เหย้า 3 เยือน 4 แม้จะดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ภายใต้การนำของ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำเอาแฟนบอลช็อคตาม ๆ กันหลังจากพ่ายในการเยือน เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้ และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ซึ่งสองทีมสุดท้ายเป็นอะไรที่เกินคาดหมายสุด ๆ และ 3 ใน 7 ทีมที่ต้องเจอก็ค่อนข้างหิน ไม่ว่าจะเป็น ปีศาจแดง, ไก่เดือยทอง และ สุนัขจิ้งจอก
ทางฝั่ง หงส์แดง เองยังเหลืออยู่อีก 6 แมตช์ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่ากังวลเพราะ 4 ทีมที่ต้องเจอล้วนอยู่ในกลุ่มครึ่งล่างของตาราง การเจอ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ก็ยังไม่หนักเท่ากับการเจอ เชลซี ที่ถือว่าเป็นทีมใหญ่เพียงหนึ่งเดียว
พอหันกลับไปมองศึก ยูฟ้า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ทั้งคู่ต่างเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แมนฯ ซิตี้ จะต้องแล่นไปเจอกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ยกระดับตัวเองเป็นทีมชั้นนำของลีก ส่วน ลิเวอร์พูล ต้องไปเจอ เอฟซี ปอร์โต้ ที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวลมากนัก
ดังนั้นหากจะมองรวม ๆ ก็คงพอเห็นกันแล้วว่าสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเจอค่อนข้างเหนื่อยกว่าจะผ่านได้แต่ละด่าน ขณะที่ ลิเวอร์พูล เองหากคุมฟอร์มการเล่นได้ดีก็แทบจะไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย เพียงเท่านี้ก็มีสิทธิ์ลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก แล้ว