ทันทีที่รู้ผลการจับคู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ก็เล่นเอาเหล่าแฟนบอล ผีแดง หนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตามกัน เพราะด่านต่อไปที่ต้องทะลวงให้ได้ก็คือ บาร์เซโลน่า ตัวเต็งอันดับหนึ่งที่จะพิชิตถ้วยในฤดูกาลนี้ และเป็นไปได้มากที่ผีจะไม่ได้ไปเกิด
แม้ปีศาจแดงจะสามารถเอาชนะปารีส แซงต์-แชร์กแมง ได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยชุดพิการปราบซ่า แต่การจะเอาชนะ บาร์เซโลน่า ดูท่าจะเป็นการบ้านอันหนักหน่วงพอสมควร เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ จึงจะมากพอที่จะทำให้ บาร์เซโลน่า เกิดความหวาดหวั่นได้
จากบทเรียนที่ได้รับในการดวลกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ครั้งนั้น การรักษาสภาพร่างกายและความปลอดภัยของนักเตะถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่ต้องดู แม้ว่า โซลชา จะมีความเก๋าในการคุมเกม แต่การที่มีนักเตะบาดเจ็บทั้งก่อนเกมและในเกมมีแต่จะเป็นอุปสรรคต่อการวางแผนของเขา ที่สำคัญปาฏิหาริย์อาจไม่เกิดขึ้นอีกก็ได้ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไป แม้ว่าเหล่าขุนศึกที่มีจะทยอยฟื้นตัว และปอล ป็อกบา ก็พ้นโทษแบนแล้วก็ตาม
อะเวย์โกล หรือกฎประตูทีมเยือน เป็นเหมือนใบเบิกทางชั้นยอดให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในขณะนี้ ด้วยสถานการณ์ที่คล้ายกับเมื่อรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่พวกเขาเปิดบ้านให้ แซงต์-แชร์กแมง เข้ามาถล่มคารัง 2-0 ทำให้ต้องสู้แบบหลังชนฝาในการเยือนปารีส จนชนะ 3-1 สกอร์รวม 2 นัด เสมอ 3-3 จนได้ไปต่อด้วยกฎประตูทีมเยือน
และก่อนที่พวกเขาจะเข้าปะทะกับ บาร์เซโลน่า ยังมี เจ้าบุญทุ่ม ที่รอเปิดบ้านให้ ปีศาจแดง เข้าไปเยือนในนัด 2 ที่สนามคัมป์ นู และพวกเขาคาดหวังว่า เจ้าบุญทุ่ม จะเกิดอาการสะดุดกลางเกมเหมือนฤดูกาลก่อนหน้าอีกครั้ง
ตลอดห้วงเวลาที่ โซลชา เข้ามาทำหน้าที่กุนซือให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด หลายครั้งที่เขาใช้สมองอันปราดเปรื่องในการพลิกสถานการณ์ให้กับทีม โดยเฉพาะเหตุการณ์รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่เรียกได้ว่าพิการยกทีม แต่น้าลูกอมสามารถรีดพลังที่มีอยู่อย่างระมัดระวัง ปรับระบบการเล่นใหม่จนทำให้ ปารีส ถึงกับหลงกลจนพ่ายในที่สุด