เปิดปัจจัย 3 สิ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาผงาดอีกครั้งจากการเปิดรังถล่ม บาร์เซโลน่า จนพาตัวเองเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบเหนือความคาดหมายไปเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
แม้ว่าจะติดท็อปโฟร์ตามคาด แต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลไม่คิดว่าลูกทีมของ เดอะ ค็อป จะทำได้ก็คือการเข้าไปชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ในซีซั่นนี้ เพราะมันหมายความว่าพวกเขาต้องยิงบาร์ซ่าแบบทิ้งห่างกันถึง 4 ลูกเป็นอย่างน้อย ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ในการดวลแข้งกับทีมที่แข็งแกร่ง แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาสามารถพลิกชนะหลุดออกมาจากขุมนรกได้ ก็เพราะปัจจัยสำคัญ 3 อย่างก็คือ
การซับพอร์ตจากบอร์ดบริหาร ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทีมฟุตบอลเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน โครงสร้างสโมสร และหลาย ๆ อย่างที่มันไม่ได้อยู่ในสนามแข่ง พวกเขาจะต้องดูแลและควบคุมมันให้ได้ มีบางครั้งที่หลายสโมสรมักจะมีเรื่องบาดหมางระหว่างกุนซือกับบอร์ดบริหาร ด้วยเหตุที่ว่ามุมมองต่างกัน แต่นั่นไม่ใช่กับ คล็อปป์
นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2015 จนถึงทุกวันนี้ คล็อปป์ ที่คอยกุมบังเหียนหงส์แดงอยู่แทบจะไม่มีข่าวร้าวฉาน แม้แต่ความสัมพันธ์แย่ ๆ กับคนข้างบนเลย แถมอีกฝ่ายยังซับพอร์ตเต็มที่จนทำให้เขามีนักเตะไว้ใช้งานได้ตามต้องการ จึงไม่แปลกหากในรังแอนฟิลด์จะอุดมไปด้วยหงส์ชั้นดี
การวางหมากที่ยอดเยี่ยม ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาโดดเด่นได้อีกครั้ง โดยเฉพาะการเสริมทัพที่ต้องคิดกันให้ดี ไม่มีทีมไหนที่จะใช้แข้งเดิมได้ตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้นการที่ คล็อปป์ ใช้งบไปราว 382.85 ล้านปอนด์ จึงไม่ใช่เรื่องที่สูญเปล่า ทุกคนที่เข้ามาต่างทำผลงานชั้นยอดให้กับทีม และพวกเขาก็ยกระดับเป็นขุมกำลังสำคัญให้กับทีมในขณะนี้ด้วย เรียกได้ว่าซื้อไว้ใช้ไม่ขาดทุน
การสร้างขวัญกำลังใจ คือหน้าที่สำคัญของกุนซือ เราเห็นได้ว่าบางทีมที่เคยยอดเยี่ยมกลับทำผลงานได้ยอดแย่ ทั้งที่กุนซือและนักเตะชุดเดียวกัน ในข้อนี้ถือว่า คล็อปป์ ทำได้ดีมาก ๆ เขาสามารถปลุกใจนักเตะเพื่อดึงศักยภาพที่แท้จริงออกมาใช้ในเกมลูกหนัง ความแตกชั้นระหว่างฝีเท้าจึงไม่ใช่ปัญญาสำหรับชายคนนี้ ผู้ที่ขึ้นชื่อในเรื่องการปลุกใจตั้งแต่สมัยคุม เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้เห็นแข้งหงส์วิ่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายในการดวลนัดสองกับ บาร์ซ่า แม้ว่าจะเจ็บก็ยังเล่นต่อได้