เด็กหงส์เฮลั่นแอนฟิลด์ หลังเจ้าบ้านโชว์ฟอร์มโหดเอาคืน บาร์เซโลน่า แบบไม่ให้ได้เกิด 4-0 หลังพ่ายไปในนัดแรก 0-3 ทำประตูรวม 4-3 รับสิทธิ์เข้าชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ลุ้นรอบต่อไปจะได้ซัดกับ อาแจ็กซ์ หรือ สเปอร์ส
ถือเป็นนัดชี้ชะตาว่าหงส์จะมีโอกาสได้ไปโฉบถ้วยมาครองอีกครั้งหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ในนัดเยือน บาร์ซ่า พวกเขากลับโดนยิงจนปีกหักกลับบ้านมา 0-3 ทำให้ความหวังในการเข้าชิงเป็นสมัยที่สองริบหรี่จนแทบจะเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งตัวหลักหลายคนไม่ว่าจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และนาบี้ เกอิต้า ต่างเจ็บจากศึกก่อนหน้าจนไม่อาจลงสนามได้ คล็อปจำต้องใช้ เซอร์ดาน ชากิรี่, ดิว็อค โอริกี้ และซาดิโอ มาเน่ มาฟาดแข้งแทน
ฝั่งบาร์เซโลน่าที่กุมความได้เปรียบอยู่ ทำให้การมาเยือนแทบจะไร้แรงกดดัน หากเหล่านักเตะโชว์ฟอร์มได้อย่างที่วางแผนไว้การผ่านเข้าไปชิงถ้วยก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน อีกทั้งตัวหลักก็พักมาเต็มที่ เรียกได้ว่ามาแบบพร้อมรบเต็มอัตราศึก
แทบจะทันทีที่เปิดบ้าน ลูกทีมของ เดอะ ค็อป ก็เปิดฉากรุกเข้าใส่โดย มาเน่ ครองบนขึ้นซ้ายแล้วจ่ายมาหา ชากิรี่ ที่รออยู่กลางแต่เจ้าตัวหวดซ้ายไม่เต็มข้อจึงคุมบอลไม่ได้ทำให้ จอร์ดี้ อัลบา สกัดได้
แต่ในนาทีที่ 7 แฟนบอลลิเวอร์พูลได้เฮลั่นสนามหลังจาก มาเน่ จับบอลให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เลี้ยงฝ่าป้อมปราการเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ มาร์ค-อังเดร แตร์ ชเตเก้น ปัดไปทาง โอริกี้ ที่รอซ้ำทำประตูชัยได้สำเร็จ 1-0
หลังจากได้ประตูแรกแล้ว เกมรุกยังคงเป็นของ หงส์แดง อยู่จนกระทั่งนาที 10 มาเน่ ที่เลี้ยงลูกหลบ อาร์ตูโร่ วิดาล เกิดเบียด เซร์จี้ โรเบร์โต้ จนล้มในเขตโทษแต่ผู้ตัดสินไม่เป่าเป็นจุดโทษ
นาที 15 เจ้าบุญทุ่มเกือบตีไข่แตก จากจังหวะ เมสซี่ ทำล่อเป้าหน้าเขตโทษยังดีที่แข้งหงส์ไวกว่าฉกบอลกลับมาได้สำเร็จ
สองนาทีต่อมา คูตินโญ่ หวิดยิงประตูบ้านเก่าได้หลังส่องไกล แต่ลูกไม่พ้นมือ อลีสซง ที่พุ่งมาปัดออกหลัง
พอพลาดในลูกแรกไป เมสซี่ ดูเหมือนจะอยู่เฉยไม่ได้ หลังจากแนวรับเจ้าถิ่นพลาดปล่อยบอลมาหาเลยวิ่งไปซัดหน้ากรอบ 18 หลา เล่นบอลถากเสาทำเอากองเชียร์แอนฟิลด์ใจหายกันเป็นแถบ
นาที 31 กับตันทีมลิเวอร์พูลเกิดเจ็บ โชคดีที่ยังเล่นต่อได้หลังรับการปฐมพยาบาล ขณะที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ก็บาดเจ็บเช่นกันในนาที 41 แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่น
จบเกมครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ บาร์เซโลน่า 1-0
ในครึ่งหลังเจอร์เก้น คล็อปป์ ส่งตัว จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ลงแทน โรเบิร์ตสัน ที่ไปต่อไม่ไหว แล้วให้ เจมส์ มิลเนอร์ ขยับไปเล่นแบ็กซ้ายแทน
เปิดเกมครึ่งหลังต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนกันครองบอล ผลัดกันรุกรับอย่างสนุก ทว่าในนาที 54 ทีมเยือนก็พลาดท่าเสียประตูอีกครั้งจากแข้ง ไวนัลดุม ที่ทุ่มสุดแรงซัดบอลทะลุมือนายทวารขึ้นนำ 2-0
จากนั้นอีกสองนาที หงส์แดง ก็ส่ง มิลเนอร์ ไหลบอลมาที่ ชากิรี่ ก่อนเปิดบอลมาให้ ไวนัลดุม จัดการตอกฝาโลงเจ้าบุญทุ่ม ทิ้งห่าง 3-0 สกอร์รวมตีเสมอ 3-3 แถมเจ้าตัวยังได้ลุ้นแฮตทริกเกมนี้อีกด้วย
เกมดำเนินไปครบ 1 ชั่วโมง ผู้มาเยือนขอเปลี่ยนตัวเอา เนลสัน เซเมโด้ ลงแทน คูตินโญ่ ที่งัดฟอร์มไม่ออกเสียที
นาที 66 เมสซี่ ได้จังหวะฟรีคิกระยะ 30 หลา แต่ไม่อาจข้ามกำแพงหงส์แดงได้ อย่างไรก็ตามฝั่งเจ้าบ้านยังคงถูกกดดันต่อเนื่องจากการพยายามทำประตูเยือนของเจ้าบุญทุ่ม
และแล้วลูกปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น หลังจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ หลอกเล่นบอลเร็วจนอีกฝั่งสับสน แล้วเปิดให้ โอริกี้ เข้ามายิงเสาไกล ทำสกอร์แซงบาร์ซ่า 4-3 ขณะที่เทรนท์ แข้งวัย 20 กลายเป็นยอดแอสซิสต์ประจำแอนฟิลด์จากการจ่ายให้เพื่อน 14 ครั้งในซีซั่นเดียว
นาที 85 โอริกี้ ถึงขีดจำกัด จึงเป็นโอกาสให้ โจ โกเมซ ได้สวมเสื้อลิเวอร์พูลลงสนามแทน ทว่าท้ายเกมทั้งสองต่างไม่สามารถเอาประตูเพิ่มได้ จบเกม เจ้าบ้าน ชนะทีมเยือน 4-0 เข้าชิงด้วยสกอร์รวม 4-3 พักแข้งรอผลการดวลระหว่าง อาแจ็กซ์ กับ สเปอร์ส ว่าจะได้เจอใครในวันเสาร์ที่ 1 มิถุนายนนี้